ลิงสวนสัตว์ฮ่องกงตายเพิ่มเป็นตัวที่ 12 หลังเชื้อแบคทีเรียระบาดหนัก เจ้าหน้าที่เร่งควบคุมการแพร่กระจาย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2567 ว่า สวนพฤกษชาติและสวนสัตว์ในฮ่องกงพบลิงเสียชีวิตเพิ่มเป็นตัวที่ 12 หลังการแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) โดยเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบหาสาเหตุและพยายามควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อ
ลิงที่เสียชีวิตล่าสุดเป็นสายพันธุ์ “เดอ-บราซซา” (De Brazza’s monkey) ซึ่งถูกแยกออกจากกลุ่มตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม หลังการตายของลิงตัวแรกๆ ในสวนสัตว์ โดยผลการชันสูตรของลิงก่อนหน้านี้ พบว่าพวกมันติดเชื้อแบคทีเรียเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
เชื้อแบคทีเรียอันตราย แพร่จากดินปนเปื้อน
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคาดว่า เชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการระบาดอาจมาจากดินปนเปื้อนบริเวณกรงลิง โดยสันนิษฐานว่าแบคทีเรียถูกนำเข้าสู่กรงผ่านรองเท้าของเจ้าหน้าที่ที่ไปตักดินบริเวณนั้นก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ลิงหลายสายพันธุ์ภายในสวนสัตว์ติดเชื้อ
ลิงที่ตายก่อนหน้านี้ 11 ตัว รวมถึงลิงสายพันธุ์เสี่ยงสูญพันธุ์อย่าง ลิงหัวสำลี (Cotton-top tamarin) และ ลิงซากิหน้าขาว (White-faced saki) รวมถึงลิงกระรอกและลิงเดอ-บราซซา
เมลิออยโดสิส เชื้อแบคทีเรียประจำเขตร้อน
เจ้าหน้าที่ฮ่องกงเชื่อว่าการเสียชีวิตของลิงมีความเกี่ยวข้องกับโรค เมลิออยโดสิส (Melioidosis) ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Burkholderia pseudomallei แบคทีเรียชนิดนี้พบได้ทั่วไปในเขตร้อนชื้น สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับดิน น้ำ หรือแม้แต่อากาศที่ปนเปื้อน
สำนักงานบริการด้านนันทนาการและวัฒนธรรม (LCSD) ของฮ่องกงเปิดเผยว่า พบร่องรอยการติดเชื้อแบบเดียวกันในลิงตัวล่าสุด ขณะนี้ลิงตัวอื่นๆ ในสวนสัตว์อีก 78 ตัวอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด โดยสุขภาพของพวกมันยังคงเป็นปกติ
ปิดโซนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เพื่อฆ่าเชื้อและทำความสะอาด
สวนพฤกษชาติและสวนสัตว์ของฮ่องกง ซึ่งเป็นสวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดของเกาะ ครอบคลุมพื้นที่ 14 เอเคอร์ใจกลางเมือง ได้ปิดโซนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อดำเนินการฆ่าเชื้อและทำความสะอาดอย่างละเอียด โดยหวังหยุดยั้งการแพร่กระจายของโรค
#ต่างประเทศ