การระบาดของฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือของไทย, โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่และพะเยา, ได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์สุขภาพของประชาชนอย่างมากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 2567 โดยคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้เตือนถึงอันตรายจากการสูดดม PM 2.5 ที่ส่งผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระตุ้นให้เกิดเลือดกำเดาไหลได้ง่ายขึ้น ซึ่งพบว่าในช่วงเวลาดังกล่าว จำนวนผู้ป่วยที่เลือดกำเดาไหลโดยไม่ทราบสาเหตุได้เพิ่มขึ้นถึงสองเท่า
สถานการณ์ฝุ่นในวันที่ 19 มีนาคม 2567 ยังคงเป็นห่วงอย่างมาก โดยจังหวัดเชียงใหม่และพะเยาต่างก็รายงานค่า PM 2.5 ที่สูงอย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นอยู่ในโซนสีแดงซึ่งหมายถึงค่าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยพบว่าในตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว ค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 157.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และในจังหวัดพะเยามีค่า PM 2.5 ที่ 99.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
จากการศึกษาของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่า การสูดดม PM 2.5 สามารถทำให้เกิดการอักเสบบริเวณเยื่อบุในช่องจมูก กระตุ้นให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีโอกาสเลือดกำเดาไหลง่ายกว่าผู้ใหญ่ นอกจากนี้ กลุ่มเสี่ยงอื่น ๆ อาทิ ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ หญิงตั้งครรภ์ และเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 4 ปี ก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจาก PM 2.5 เช่นกัน
คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แนะนำการใช้วัสดุห้ามเลือดเพื่อช่วยให้เลือดหยุดไหลในกรณีที่การเลือดกำเดาไหลไม่สามารถห้ามได้ด้วยวิธีปกติ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการป้องกันตนเองจากการสูดดม PM 2.5 โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ค่าฝุ่นอยู่ในระดับสูง
การรายงานนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการตระหนักถึงผลกระทบของ PM 2.5 ต่อสุขภาพ และความจำเป็นในการป้องกันและรักษาอย่างเหมาะสม โดยมีหวังว่าผ่านการระดมความรู้และการตอบสนองจากทุกภาคส่วน สถานการณ์ด้านคุณภาพอากาศจะได้รับการปรับปรุงในที่สุด
#ข่าวทั่วไป