ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2567: ทิศทางและการปรับตัวในช่วงฟื้นตัวหลังโควิด
วันที่ 1 เมษายน – นายโสภณ พรโชคชัย, ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (AREA) ได้เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2567 โดยมีสัญญาณหลายประการที่ชี้ไปทางความซบเซาของตลาดเนื่องจากหลายปัจจัย เช่น หนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 91% ต่อจีดีพี, สัดส่วนของประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้น, และการลดลงของประชากรไทยโดยรวม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
การซื้อขายที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้หลักของตลาด ได้ประสบกับการฟื้นตัวหลังจากวิกฤตโควิด-19 ด้วยหน่วยขายที่เพิ่มขึ้นจาก 65,279 หน่วยในปี 2563 ไปถึง 97,691 หน่วยในปี 2565 ก่อนที่จะลดลงเล็กน้อยเหลือ 84,625 หน่วยในปี 2566 สิ่งนี้ไม่ได้หมายความถึงการลดลงของความต้องการโดยรวม แต่เป็นผลจากการลดลงของอาคารชุดราคาถูกในตลาด
อย่างไรก็ตาม, สำหรับปี 2567, นายโสภณ คาดการณ์ว่าตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% โดยมีการเปิดตัวหน่วยใหม่ทั้งสิ้น 106,613 หน่วย และมูลค่าของตลาดเพิ่มขึ้น 7% เป็นมูลค่ารวม 598,925 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในรอบ 9 ปี
ทางด้านราคาที่ดิน, นายโสภณระบุว่ายังคงปรับตัวสูงขึ้นโดยไม่มีแนวโน้มลดลง ตามภาวะตลาดปัจจุบัน สำหรับราคาที่อยู่อาศัยที่ยังคงเปิดขาย, มีการเพิ่มขึ้น 12%, ลดลง 9%, และราคาคงที่ 79% จากการสำรวจในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคม 2566 โดยราคาที่อยู่อาศัยเก่าตั้งแต่ปี 2534 ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์ ราคาต่างก็ปรับขึ้น 1% ในช่วงเวลาดังกล่าว
การวิเคราะห์นี้ชี้ให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเป็นตลาดที่มีการเติบโตและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน แม้จะมีความท้าทายหลายประการก็ตาม
#ธุรกิจ
