พนักงานโบอิ้งปฏิเสธข้อเสนอขึ้นเงินเดือน 35% หลังประท้วงยาวนาน 5 สัปดาห์
พนักงานโบอิ้งปฏิเสธข้อเสนอใหม่จากบริษัท ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นเงินเดือน 35% ภายในระยะเวลา 4 ปี ท่ามกลางการหยุดงานประท้วงที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 5 สัปดาห์
สหภาพแรงงานสมาคมช่างเครื่องและคนงานด้านอวกาศระหว่างประเทศ (IAM) เปิดเผยว่า 64% ของพนักงานที่นัดหยุดงานได้ลงคะแนนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอฉบับใหม่ หลังจากที่พนักงานกว่า 30,000 คนเริ่มหยุดงานประท้วงตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา เนื่องจากไม่พอใจกับข้อเสนอเริ่มต้นของบริษัท
นายเคลลี ออร์ตเบิร์ก ซีอีโอโบอิ้ง กล่าวเตือนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนการลงคะแนนว่า บริษัทกำลังเผชิญสถานการณ์วิกฤต โดยมีผลขาดทุนสะสมถึง 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เหตุการณ์นี้ยังถือเป็นครั้งที่สองที่พนักงานปฏิเสธข้อเสนอใหม่ หลังจากการลงคะแนนครั้งแรกเมื่อเดือนที่แล้ว พนักงาน 95% ก็ลงมติไม่เห็นชอบกับข้อเสนอก่อนหน้านี้
ตัวแทนสหภาพแรงงานระบุว่า “เรายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าเพื่อให้เกิดการเจรจาที่เป็นธรรม เราหวังว่าจะกลับมาเจรจาอีกครั้งในเร็วๆ นี้ ประชาธิปไตยในที่ทำงานคือหลักฐานชัดเจนว่า การกระทำที่ไม่ถูกต้องจากบริษัทต่อพนักงานในช่วงหลายปีจะนำมาซึ่งผลกระทบ”
นายออร์ตเบิร์ก ซึ่งเข้ารับตำแหน่งซีอีโอเมื่อเดือนสิงหาคม กล่าวว่า เขาทุ่มเทเพื่อรักษาเสถียรภาพของบริษัท หลังจากโบอิ้งเผชิญปัญหาการผลิตและความปลอดภัยต่อเนื่อง “นี่คือองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง โบอิ้งจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”
โบอิ้งต้องเผชิญกับวิกฤตตั้งแต่เดือนมกราคม เมื่อเกิดเหตุการณ์ประตูเครื่องบินโดยสารหลุดกลางอากาศ นอกจากนี้ ธุรกิจอวกาศของบริษัทก็ได้รับผลกระทบจากภารกิจของยานสตาร์ไลเนอร์ ที่ต้องกลับสู่โลกโดยไม่มีนักบินอวกาศโดยสาร
การประท้วงครั้งนี้ส่งผลให้การผลิตของโบอิ้งชะลอตัวอย่างหนัก ซีอีโอยืนยันว่าบริษัทกำลังแบกภาระหนี้สินจำนวนมาก และผลงานที่ต่ำกว่ามาตรฐานยังสร้างความผิดหวังให้ลูกค้า โดยในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ธุรกิจเครื่องบินพาณิชย์ของบริษัทขาดทุน 4 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่แผนกโบอิ้ง ดีเฟนซ์ สเปซ แอนด์ ซีเคียวริตี้ ขาดทุนอีก 2,400 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม นายออร์ตเบิร์กยังคงย้ำว่าบริษัทอยู่ในสถานะที่ดี โดยมีคำสั่งซื้อคงค้างประมาณ 5,400 ลำ แต่เขาเตือนนักลงทุนว่าการกลับมาเปิดโรงงานหลังสิ้นสุดการประท้วงนั้นอาจไม่ง่าย
เมื่อต้นเดือนนี้ โบอิ้งได้ประกาศแผนการปลดพนักงาน 10% และพักงานพนักงานหลายพันคนเนื่องจากผลกระทบจากการหยุดงาน ซึ่งส่งผลกระทบถึงซัพพลายเออร์ด้วย นายออร์ตเบิร์กยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก “เราต้องป้องกันปัญหาไม่ให้ลุกลาม และร่วมกันระบุ แก้ไข รวมถึงเข้าใจสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น”
#ต่างประเทศ